- เป็นบุคคลในคณะผู้แทนทางทูต ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศส่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในราชอาณาจักรหรือซึ่งเดินทางผ่านราชอาณาจักรเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอื่น และ
- ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER ที่ได้รับการตรวจลงตราหรือได้รับการยกเว้น การตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้น ได้ทำความตกลงไว้กับรัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ขออยู่ต่อ
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ
- เป็นพนักงานฝ่ายกงสุลหรือลูกจ้างฝ่ายกงสุล ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศส่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในราชอาณาจักร หรือซึ่งเดินทางผ่านราชอาณาจักร เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอื่น และ
- ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้นได้ทำความตกลงไว้กับรัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทางของผขออยู่ต่อ
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ
- เป็นบุคคลซึ่งรัฐบาลต่างประเทศโดยความเห็นชอบของรัฐบาลไทย ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในราชอาณาจักร และ
- ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือถือหนังสือเดินทืางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) และได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการต่างๆ นอกจาก หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้น ได้ทำความตกลงที่รัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือดเทียบเท่า
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า
- เป็นคคลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ หรือภารกิจในราชอาณาจักรเพื่อรัฐบาลไทย ตามความตกลงที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ และ
- ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือถือหนังสือเดินทืางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) และได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการต่างๆ นอกจากหรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้ รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้น ได้ทำความตกลงไว้กับรัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือดเทียบเท่า
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า
- บันทึกความตกลงที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
- เป็นหัวหน้าสำนักงานขององคืการ หรือทบวงการระหว่างประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองการดำเนินงานในประเทศไทย หรือซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความเห็นชอบด้วยแล้ว หรือ
เป็นพนักงานหรือผู้เชี่ขวชาญหรือบุคคลหรือซึ่งองค์การ หรือ ทบวงการตามวรรคแรก แต่งตั้งหรือมอบหมายให้ปฎิบัติหน้าที่ หรือภารกิจในราชอาณาจักร เพื่อองค์การ หรือทบวงการดังกล่าว หรือเพื่อรัฐบาลไทยตามความตกลงที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กบองค์การ หรือทบวงการระหว่างประเทศนั้น และ - ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) และได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการต่างๆ นอกจากหรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้น ได้ทำความตกลงไว้กับรัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือดเทียบเท่า
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า
- เป็นหัวหน้าสำนักงานขององคืการ หรือทบวงการระหว่างประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองการดำเนินงานในประเทศไทย ครัวเรือนของบุคคในคณะผู้แทนทางทูต, พนักงานหรือลูกจ้างฝ่ายกงสุล, บุคคลซึ่งรัฐบาลต่างประเทศโดยความเห็นชอบของรัฐบาลไทยให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในราชอาณาจักร,บุคคลซึ่งปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในราชอาณาจักร ตามความตกลงที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ, หัวหน้าสำนักงานหรือพนักงาน หรือผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคคลอื่น ซึ่งได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในราชอาณาจักร ตามความตกลงที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับองค์การ หรือทบวงการระหว่างประเทศ และ
- ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือถือหนังสือเดินทืางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) และ ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการต่างๆ นอกจากหรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้น ทำความตกลงไว้กับรัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือดเทียบเท่า
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า
- แบบคำขอ ตม.7
สำเนาหนังสือเดินทาง
หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่าเป็นคนรับใช้ส่วตัวซึ่งเดินทืางจากต่างประเทศ เพื่อมาทำงานประจำเป็นปกติ ณ ที่พักอาศัยบองบุคคลในคณะผู้แทนทางทูต หรือ ณ ที่พักอาศัยของบุคคลซึ่งได้รับเอกสิทธิเท่าเทียมกันกับบุคคลซึ่งมีตำแหน่งทางทูตตามความตกลงที่รัฐบาลไทยไดทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ หรือกับองค์การ หรือทบวงการระหว่างประเทศ และ - ถือหนังสือเดินทางทูต (DIPLOMATIC PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางราชการ (OFFICIAL / SERVICE / SPECIAL PASSPORT) หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติ (UNITED NATIONS LAISSEZ-PASSER หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ(NON-IMMIGRANT VISA category F) หรือถือหนังสือเดินทืางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) และ ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการต่างๆ นอกจาก หรือถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ORDINARY PASSPORT) ที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ยกเว้นการตรวจลงตรา ตามที่รัฐบาลของประเทศนั้น ทำความตกลงไว้กับรัฐบาลไทย
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ
- แบบคำขอ ตม.7
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หรือจากส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า
คุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอ
-
ต้องถือหนังสือเดินทางของประเทศที่ตนเองถือสัญชาติอยู่ในปัจจุบัน และต้องได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (NON-IMMIGRANT
VISA) พร้อมกับได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นรายปีมาแล้ว รอบเวลาการพำนักอยู่ไม่น้อยกว่า 3 ปี นับจนถึงวันที่ยื่นคำขอ -
เหตุผลในการยื่นคำขอ เช่น
(1) ขอเข้ามาเพื่อการลงทุน
(2) ขอเข้ามาเพื่อทำงาน
(3) ขอเข้ามาเพื่อเหตุผลทางมนุษยธรรม แบ่งเป็น มีความสัมพันธ์กับบุคคลสัญชาติไทย หรือ มีความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่แล้ว ได้แก่
– เป็นสามี – ภรรยา
– เป็นบิดา – มารดา
– เป็นบุตรอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ยังไม่สมรส
(4) ขอเข้ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
(5) กรณีพิเศษเฉพาะราย
หลังจากกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกำหนดจำนวนคนต่างด้าวที่จะเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงจะสามารถออกประกาศเปิดรับคำขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปีได้ และจะสิ้นสุดการเปิดรับคำขอฯ ในวันทำการสุดท้ายของปีนั้น ซึ่งสามารถสอบถามวันเปิดรับคำขอและรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารประกอบคำขอได้ที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคารบี ชั้น 2 ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร. 0-22143-8224-5 , 0-2141-9898-9 หรือ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองส่วนภูมิภาค และเมื่อเปิดรับคำขอแล้ว คนต่างด้าวจะต้องไปยื่นคำขอด้วยตนเอง พร้อมเอกสารประกอบตามประเภทการยื่นคำขอ และให้นำหนังสือเดินทางฉบับจริงทุกเล่มมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย
ขั้นตอนการดำเนินการหลังจากรับคำขอแล้ว- เจ้าหน้าที่จะประทับตราอนุญาตให้อยู่รอฟังผลการพิจารณา ครั้งแรก 180 วัน ครั้งต่อไป ครั้งละ 180 วัน จนกว่าจะทราบผลการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง
- รับใบนัดหมายให้คนต่างด้าว และผู้เกี่ยวข้องมาสัมภาษณ์ โดยจะมีการทดสอบความสามารถพูดภาษาไทย และฟังภาษาไทย เข้าใจได้ ( คนต่างด้าวจะต้องมาตรงตามวันที่นัดหมาย หากไม่มาตามที่นัดหมายโดยไม่มีเหตุผลอันควร จะถือว่าสละสิทธิ์การยื่นคำขอดังกล่าว )
- คนต่างด้าวที่มีอายุกว่าสิบสี่ปี (นับจนถึงวันที่ยื่นคำขอ) จะต้องได้รับการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้
(1) พิมพ์ลายนิ้วมือคนต่างด้าวดังกล่าว ส่งไปตรวจประวัติที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อตรวจสอบว่ามีประวัติกระทำผิดในประเทศไทยหรือไม่
(2) ตรวจสอบหนังสือเดินทางจากระบบบัญชีเฝ้าดู (BLACK LIST) ว่าเป็นบุคคลต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 หรือไม่
(3) ตรวจสอบว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับของตำรวจสากล (RED NOTICE) จากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือไม่
- พิจารณาโดยคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม, สำนักงานอัยการสูงสุด, คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, สภาความมั่นคงแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- หลักเกณฑ์การพิจารณาจะคำนึงถึง รายได้ สินทรัพย์ ความรู้ ความสามารถในด้านวิชาชีพ และฐานะในครอบครัวของคนต่างด้าวกับบุคคล ซึ่งมีสัญชาติไทย เงื่อนไขเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ บุคลิกภาพ สุขภาพ ความเข้าใจภาษาไทย และเงื่อนไขอื่นๆ ตามความเหมาะสมที่สอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิจ สังคม และนโยบายของรัฐบาล
- ระยะเวลาในการพิจารณาแต่ละปีมีกำหนดระยะเวลาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับนโยบายของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง และกระทรวงมหาดไทย
- ค่าธรรมเนียมสำหรับการยื่นคำขอ คนละ 7,600 บาท (เจ็ดพันหกร้อยบาทถ้วน) – จะได้รับอนุญาตหรือไม่ก็ตาม เงินค่าธรรมเนียมจะไม่คืนให้
- หากได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ฯ ค่าธรรมเนียมใบสำคัญถิ่นที่อยู่ ฉบับละ 191,400 บาท (หนึ่งแสนเก้าหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยบาทถ้วน) สำหรับคนต่างด้าวที่เป็นคู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของคนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือ ของบุคคลซึ่งมีสัญชาติไทย ฉบับละ 95,700 บาท (เก้าหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
หมายเหตุ : อัตราค่าธรรมเนียมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายได้ ซึ่งหากเปลี่ยนแปลงก็จะต้องชำระค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายใหม่กำหนด
หมายเหตุ
— เอกสารใดเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องผ่านการรับรองจากสถานทูต, แปลเป็นภาษาไทยโดยระบุรายละเอียดของผู้แปล ที่สามารถตรวจสอบได้ และผ่านการรับรองการแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
คำเตือน การแสดงเอกสาร หรือ ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ทั้งนี้หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
กองกำกับการ 1 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคารบี ชั้น 2
120 หมู่3 ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 7 แขวงทุ่งสองห้อง
เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ 0-2141-9898-9, 0-21431-8224-5
-
แบบคำขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (แบบ ตม.9)
-
ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐบาล (อายุไม่เกิน 3 เดือน นับจนถึงวันที่ยื่นคำขอ)
-
หนังสือรับรองว่าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมจากประเทศที่ตนมีภูมิลำเนา โดยผ่านการรับรองจากกงสุลไทยในประเทศนั้น ๆ หรือ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
-
สำเนาเอกสารแสดงคุณวุฒิการศึกษาของผู้ยื่นคำขอ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
-
หนังสือรับรองประวัติการทำงานจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (ดาวน์โหลดตัวอย่าง www.immigration.go.th – การขอ มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และสำเนาใบอนุญาตทำงาน ทุกเล่ม ทุกหน้า
-
หนังสือรับรองเงินเดือนจากกิจการที่ผู้ยื่นคำขอทำงานอยู่ ซึ่งลงนามโดยผู้มีอำนาจลงนามในกิจการนั้น (ตามแบบที่กำหนด) ย้อนหลัง 2 ปี (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และ ใบสมัครงานพร้อมสัญญาการจ้าง (ถ้ามี)
-
สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90) ของผู้ยื่นคำขอ พร้อมหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ จำนวน 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน
-
สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนก่อนหน้าที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน (ถ้ามี)
-
หนังสือรับรองการโอนเงินเข้ามาในราชอาณาจักร จากธนาคารในประเทศไทย เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
-
หลักฐานการลงทุนในนามของผู้ยื่นคำขอ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ รวมกัน ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ในกรณีดังนี้
(1) ลงทุนในบริษัทจำกัด หรือ บริษัทมหาชนจำกัด ทั้งนี้ ต้องถือครองการลงทุนเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับ แต่วันที่ได้รับอนุญาตให้มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และต้องยื่นเอกสาร ดังนี้ – หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (ฉบับคัดสำเนาจากกระทรวงพาณิชย์ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ) – บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (ฉบับคัดสำเนาจากกระทรวงพาณิชย์ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือนนับถึงวันที่ยื่นคำขอ) – สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ เช่น ภ.พ.01, ภ.พ.09 และ ภ.พ. 20 และสำเนา งบการเงิน(งบดุล งบกำไรขาดทุน) พร้อมแบบ ภ.ง.ด.50 และใบเสร็จรับเงิน จำนวน 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ
(2) ลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ห้ามโอนกรรมสิทธิ์, จำนำพันธบัตร หรือ จำนำสิทธิเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับแต่วันที่ได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และต้องยื่นเอกสาร ดังนี้ – หนังสือรับรองการซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจดังกล่าว จากธนาคารในประเทศไทย – สำเนาพันธบัตรรัฐบาล หรือ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจดังกล่าว และต้องนำต้นฉบับมาแสดงด้วย
(3) ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือ หน่วยลงทุน ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติ หรือ รับรอง จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ห้ามโอนหุ้น, โอนกรรมสิทธิ์, จำนำหลัก ทรัพย์ หรือ จำนำสิทธิเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับแต่วันที่ได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และต้องยื่นเอกสาร ดังนี้ – หนังสือรับรองการซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าว และหลักฐานการลงทุนดังกล่าว พร้อมต้นฉบับมาแสดง -
แผนที่แสดงสถานที่พำนักอาศัย และ สถานที่ทำงาน
-
สำเนาหนังสือเดินทางที่แสดงว่าได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทุกเล่ม และทุกหน้า)
-
แบบข้อมูลบุคคล (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และภาพถ่ายคนต่างด้าวภายนอกสถานที่ทำงาน (คนเดียว), ภายในสถานที่ทำงานกับพนักงาน, ภายนอกโรงงาน (คนเดียว), ภายในโรงงานกับคนงาน เครื่องจักร และสินค้า (ถ้ามี), ภาพถ่ายคนต่างด้าวภายนอกที่พักอาศัย ภายในที่พักอาศัย พร้อมครอบครัว (ถ้ามี) จำนวน 10 ภาพ ขนาดโปสการ์ด ทุกภาพ ติดบนกระดาษหัวบริษัท ขนาด A4 พร้อมคำบรรยายใต้ภาพ
-
เอกสารอื่น ๆ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรเรียกเพิ่มเติม
หมายเหตุ
– เอกสารใดเป็นเอกสารส่วนตัว ให้คนต่างด้าวรับรองสำเนาเอง
– เอกสารใดเป็นเอกสารของนิติบุคคล ให้รับรองโดยผู้มีอำนาจลงนามในนิติบุคคลนั้น พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท
– เอกสารใดเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย โดยระบุรายละเอียดของผู้แปลที่สามารถตรวจสอบได้ และผ่านการรับรองการแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
-
- แบบคำขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (แบบ ตม.9)
- ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐบาล (อายุไม่เกิน 3 เดือน นับจนถึงวันที่ยื่นคำขอ)
- หนังสือรับรองว่าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมจากประเทศที่ตนมีภูมิลำเนา โดยผ่านการรับรองจากกงสุลไทยในประเทศนั้น ๆ หรือ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- สำเนาเอกสารแสดงคุณวุฒิการศึกษาของผู้ยื่นคำขอ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- หนังสือรับรองประวัติการทำงานจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (ดาวน์โหลดตัวอย่าง www.immigration.go.th – การขอ มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และสำเนาใบอนุญาตทำงาน ทุกเล่ม ทุกหน้า
- หนังสือรับรองเงินเดือนจากกิจการที่ผู้ยื่นคำขอทำงานอยู่ ซึ่งลงนามโดยผู้มีอำนาจลงนามในกิจการนั้น (ตามแบบที่กำหนด) ย้อนหลัง 2 ปี (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และ ใบสมัครงานพร้อมสัญญาการจ้าง (ถ้ามี)
- สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90) ของผู้ยื่นคำขอ พร้อมหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ จำนวน 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน
- สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนก่อนหน้าที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลที่ผู้ยื่นคำขอทำงานอยู่ (ฉบับคัดสำเนาจากกระทรวงพาณิชย์ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ)
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลที่ผู้ยื่นคำขอทำงานอยู่ จำนวน 3 ปีก่อนหน้าที่ยื่นคำขอ
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (ฉบับคัดสำเนาจากกระทรวงพาณิชย์ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือนนับถึงวันที่ยื่นคำขอ) และหากผู้ยื่นคำขอถือหุ้น ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ให้แนบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นย้อนหลัง 3 ปี มาแสดงด้วย
- สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ เช่น ภ.พ.01, ภ.พ.09 และ ภ.พ.20
- สำเนางบการเงิน (งบดุล งบกำไรขาดทุน) พร้อมแบบ ภ.ง.ด.50 จำนวน 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน
- หนังสือธนาคารรับรองการส่งออกสินค้าในรอบ 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ (เฉพาะกิจการที่มีการส่งออกสินค้า)
- หนังสือรับรองการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาในรอบ 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว (เฉพาะกิจการท่องเที่ยว)
- นิติบุคคลใด ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ให้สำเนาบัตรส่งเสริม หรือ เอกสารที่แสดงว่าได้รับการส่งเสริมด้วย
- แผนที่แสดงสถานที่พำนักอาศัยและสถานที่ทำงาน
- สำเนาหนังสือเดินทางที่แสดงว่าได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทุกเล่มและทุกหน้า)
- แบบข้อมูลบุคคล (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และภาพถ่ายคนต่างด้าวภายนอกสถานที่ทำงาน (คนเดียว), ภายในสถานที่ทำงานกับพนักงาน, ภายนอกโรงงาน (คนเดียว), ภายในโรงงานกับคนงาน เครื่องจักร และสินค้า (ถ้ามี), ภาพถ่ายคนต่างด้าวภายนอกที่พักอาศัย ภายในที่พักอาศัย พร้อมครอบครัว (ถ้ามี) จำนวน 18 ภาพ ขนาดโปสการ์ด ทุกภาพ ติดบนกระดาษหัวบริษัท ขนาด A4 พร้อมคำบรรยายใต้ภาพ
- เอกสารอื่น ๆ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรเรียกเพิ่มเติม
หมายเหตุ
– เอกสารใดเป็นเอกสารส่วนตัว ให้คนต่างด้าวรับรองสำเนาเอง
– เอกสารใดเป็นเอกสารของนิติบุคคล ให้รับรองโดยผู้มีอำนาจลงนามในนิติบุคคลนั้น พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท
– เอกสารใดเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย โดยระบุรายละเอียดของผู้แปลที่สามารถตรวจสอบได้ และผ่านการรับรองการแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- แบบคำขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (แบบ ตม.9)
- ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐบาล (อายุไม่เกิน 3 เดือน นับจนถึงวันที่ยื่นคำขอ)
- หนังสือรับรองว่าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมจากประเทศที่ตนมีภูมิลำเนา โดยผ่านการรับรองจากกงสุลไทยในประเทศนั้น ๆ หรือ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (เฉพาะผู้ยื่นคำขอที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีขึ้นไป)
- สำเนาเอกสารรับรองการเป็นครอบครัว ได้แก่ ใบสำคัญการสมรส หรือ ทะเบียนสมรส ที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน, ใบสูติบัตรบุตร, สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น ซึ่งหากเป็นเอกสารต่างประเทศ ให้ผ่านการรับรองเอกสารเช่นเดียวกับ ข้อ 3. และหากเป็นการจดทะเบียน ในประเทศไทย ให้หน่วยงานนั้น ๆ รับรองสำเนา
- สำเนาใบสำคัญถิ่นที่อยู่, ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว, หนังสือเดินทาง และสำเนาทะเบียนบ้านในประเทศไทยทุกหน้าที่มีรายการ ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว พร้อมทั้งนำต้นฉบับไปแสดงด้วย
- สำเนาเอกสารแสดงคุณวุฒิการศึกษาของผู้ยื่นคำขอ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หรือหนังสือรับรองว่าผู้ยื่นคำขอกำลังศึกษาอยู่ แล้วแต่กรณี
- หนังสือรับรองประวัติการทำงานจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (ดาวน์โหลดตัวอย่าง www.immigration.go.th – การขอ มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และ สำเนาใบอนุญาตทำงาน ทุกเล่ม ทุกหน้า
- หนังสือรับรองเงินเดือนจากกิจการที่ผู้ให้ความอุปการะทำงานอยู่ ซึ่งลงนามโดยผู้มีอำนาจลงนามในกิจการนั้น (ตามแบบที่กำหนด) ย้อนหลัง 2 ปี (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และใบสมัครงานพร้อมสัญญาการจ้าง (ถ้ามี)
- สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90) ของผู้ให้ความอุปการะ พร้อมหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ จำนวน 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน
- สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนก่อนหน้าที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลที่ผู้ให้ความอุปการะทำงานอยู่ (ฉบับคัดสำเนาจากกระทรวงพาณิชย์ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ)
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลที่ผู้ให้ความอุปการะทำงานอยู่ จำนวน 3 ปีก่อนหน้าที่ยื่นคำขอ
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (ฉบับคัดสำเนาจากกระทรวงพาณิชย์ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือนนับถึงวันที่ยื่นคำขอ) และหากผู้ให้ความอุปการะถือหุ้น ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ให้แนบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นย้อนหลัง 3 ปี มาแสดงด้วย
- สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ เช่น ภ.พ.01, ภ.พ.09 และ ภ.พ.20
- สำเนางบการเงิน (งบดุล งบกำไรขาดทุน) พร้อมแบบ ภ.ง.ด.50 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน (กรณีเป็นส่วนราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจ ไม่ต้องนำมาแสดง)
- หนังสือธนาคารรับรองการส่งออกสินค้าในรอบ 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ (เฉพาะกิจการที่มีการส่งออกสินค้า)
- หนังสือรับรองการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาในรอบ 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว(เฉพาะกิจการท่องเที่ยว)
- นิติบุคคลใด ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ให้สำเนาบัตรส่งเสริม หรือ เอกสารที่แสดงว่าได้รับการส่งเสริมด้วย
- แผนที่แสดงสถานที่พำนักอาศัยและสถานที่ทำงาน (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี)
- สำเนาหนังสือเดินทางที่แสดงว่าได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทุกเล่มและทุกหน้า)
- แบบข้อมูลบุคคล (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และภาพถ่ายผู้ให้ความอุปการะ ภายนอกสถานที่ทำงาน (คนเดียว), ภายในสถานที่ทำงานกับพนักงาน, ภายนอกโรงงาน (คนเดียว), ภายในโรงงานกับคนงาน เครื่องจักร และสินค้า (ถ้ามี), ภาพถ่ายคนต่างด้าวภายนอกที่พักอาศัย ภายในที่พักอาศัย พร้อมครอบครัว จำนวน 18 ภาพ ขนาดโปสการ์ด ทุกภาพติดบนกระดาษหัวบริษัท ขนาด A4 พร้อมคำบรรยายใต้ภาพ
- กรณีบุตรมาอยู่ในความอุปการะของบิดาหรือมารดา หรือ บุตรมาให้ความอุปการะบิดาหรือมารดา ต้องนำหลักฐานการตรวจ ดีเอ็นเอ จากโรงพยาบาลของรัฐบาล แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง บุตรกับบิดา หรือมารดาด้วย แล้วแต่กรณี (เช่น บุตรขออยู่ในความอุปการะของบิดา ให้ตรวจดีเอ็นเอ ระหว่าง บุตรกับบิดา หากบุตรขออยู่ในความอุปการะของมารดา ให้ตรวจดีเอ็นเอ ระหว่าง บุตรกับมารดา เป็นต้น)
- เอกสารอื่น ๆ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรเรียกเพิ่มเติม
หมายเหตุ
– เอกสารใดเป็นเอกสารส่วนตัว ให้คนต่างด้าวรับรองสำเนาเอง
– เอกสารใดเป็นเอกสารของนิติบุคคล ให้รับรองโดยผู้มีอำนาจลงนามในนิติบุคคลนั้น พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท
– เอกสารใดเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย โดยระบุรายละเอียดของผู้แปล ที่สามารถตรวจสอบได้
และผ่านการรับรองการแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- แบบคำขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (แบบ ตม.9)
- ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐบาล (อายุไม่เกิน 3 เดือน นับจนถึงวันที่ยื่นคำขอ)
- หนังสือรับรองว่าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมจากประเทศที่ตนมีภูมิลำเนา โดยผ่านการรับรองจากกงสุลไทยในประเทศนั้น ๆ หรือผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- สำเนาเอกสารแสดงคุณวุฒิการศึกษาของผู้ยื่นคำขอ ผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย และผ่านการรับรองจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- หนังสือรับรองการผ่านงาน หรือ ประสบการณ์การทำงาน
- หนังสือรับรองประวัติการทำงานจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (ดาวน์โหลดตัวอย่าง www.immigration.go.th- การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และสำเนาใบอนุญาตทำงาน ทุกเล่ม ทุกหน้า (ถ้ามี)
- หนังสือรับรองการทำงานจากหน่วยงานที่ผู้ยื่นคำขอทำงานอยู่ โดยให้ระบุรายละเอียดการทำงาน รายได้ต่อเดือน
- สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90) ของผู้ยื่นคำขอ พร้อมหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ จำนวน 3 ปีก่อนหน้าปีที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนา ใบเสร็จรับเงิน
- สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนก่อนหน้าที่ยื่นคำขอ ซึ่งรับรองสำเนา โดยเจ้าหน้าที่ของสรรพากร พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน (ถ้ามี)
- หนังสือสนับสนุนจากส่วนราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
- แผนที่แสดงสถานที่พำนักอาศัยและสถานที่ทำงาน (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี)
- สำเนาหนังสือเดินทางที่แสดงว่าได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทุกเล่มและทุกหน้า)
- แบบข้อมูลบุคคล (ดาวน์โหลด www.immigration.go.th – การขอมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรประจำปี) และภาพถ่ายคนต่างด้าว ภายนอกสถานที่ทำงาน (คนเดียว), ภายในสถานที่ทำงานกับพนักงาน, ภายนอกโรงงาน (คนเดียว), ภายในโรงงานกับ คนงาน เครื่องจักร และสินค้า (ถ้ามี), ภาพถ่ายคนต่างด้าวภายนอกที่พักอาศัย ภายในที่พักอาศัย พร้อมครอบครัว (ถ้ามี) จำนวน 10 ภาพ ขนาดโปสการ์ด ทุกภาพติดบนกระดาษหัวบริษัท ขนาด A4 พร้อมคำบรรยายใต้ภาพ
- เอกสารอื่น ๆ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรเรียกเพิ่มเติม
หมายเหตุ
– เอกสารใดเป็นเอกสารส่วนตัว ให้คนต่างด้าวรับรองสำเนาเอง
– เอกสารใดเป็นเอกสารของนิติบุคคล ให้รับรองโดยผู้มีอำนาจลงนามในนิติบุคคลนั้น พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท
– เอกสารใดเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องผ่านการรับรองจากกงสุลของประเทศนั้น ๆ ในประเทศไทย, แปลเป็นภาษาไทย โดยระบุรายละเอียดของผู้แปลที่สามารถตรวจสอบได้ และผ่านการรับรองการแปลจากกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ