Project Description

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4,พ.ต.อ.สมเกียรติ สนใจ ผกก.ตม.จว.นครพนม และ พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา

บก.ตม.4 สนองนโยบาย ตร. สกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ที่ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองการแพร่ระบาดโรค โควิด-19 กล่าวคือ ตม.จว.นครพนม ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.236,จนท.ส.รน.1 กก.10 บก.รน และ จนท.ส.ทท.4 กก.1 บก.ทท.2 และหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ ได้สืบสวนหาข่าวร่วมกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ สืบทราบมาว่าในช่วงเวลาเช้ามืด จะมีแก๊งลักลอบขนแรงงานชาวลาวมาส่งที่ฝั่งไทย บริเวณจุดริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านขามเฒ่า อ.เมือง จึงวางกำลังดักรออยู่ที่จุดดังกล่าวต่อมาเมื่อเวลา 05.20 น. ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีเขียว ทะเบียนนครพนม ซึ่งมี นายส่วน อายุ 45 ปี สัญชาติไทย (ทราบชื่อภายหลัง) เป็นผู้ขับขี่มาจอดที่บริเวณดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดนัดพบขึ้นฝั่งขณะเดียวกันได้สังเกตเห็นเรือหางยาวลำหนึ่ง แล่นจากฝั่ง สปป.ลาว มุ่งหน้ายังท่าน้ำโขง บ้านขามเฒ่า และมาจอดเทียบเรือขึ้นท่าบริเวณฝั่งไทยตรงกับจุดที่รถกระบะคันดังกล่าวที่จอดรอรับอยู่พบว่ามีผู้โดยสารจำนวน 4 คนกำลังขนสัมภาระลงจากเรือขึ้นฝั่งและเดินไปขึ้นรถยนต์กระบะที่จอดรอรับอยู่ จากนั้นเรือหางยาวลำดังกล่าวได้รีบแล่นออกจากท่าเทียบกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งดักซุ่มอยู่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบว่าผู้โดยสารทั้งหมดเป็นบุคคลสัญชาติลาว โดยมีนาย กอง อายุ 20 ปี สัญชาติ ลาว กับพวกอีก 3 คน จากการตรวจสอบทั้งหมดไม่พบหนังสือเดินทางและไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานการเข้าเมืองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสอบสวนขยายผล ทราบว่าทั้งหมดเป็นแรงงานชาวลาวต้องการจะเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยจึงได้ว่าจ้างเรือโดยสารจากฝั่ง สปป.ลาว ให้พาข้ามมาส่งที่ฝั่งไทย โดยมีนายส่วน ซึ่งได้รับค่าว่าจ้างจากพวกตนคนละ 500 บาท นำรถยนต์กระบะมารอรับขึ้นฝั่งน้ำโขง จาก อ.เมือง จว.นครพนม ไปส่งต่อขึ้นรถตู้ที่ อ.ท่าอุเทน จว.นครพนม เพื่อพาเข้าไปทำงานในกรุงเทพมหานคร โดยขณะนั้นได้มีโทรศัพท์ติดต่อมายังแรงงานชาวลาวเพื่อแจ้งให้เดินทางต่อไปยังจุดนัดพบจุดต่อไปเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สะกดรอยติดตามไป พบว่านายส่วนฯ ได้นำแรงงานทั้งหมดไปส่งยังจุดนัดพบที่ทั้งหมดตกลงกันไว้ บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ใน อ.ท่าอุเทน โดยมีรถตู้โดยสารยี่ห้อ โตโยต้า สีขาวหมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร ติดสติ๊กเกอร์ 13 มอดินแดง จอดรอรับอยู่ และมีนายชาญวิทย์ (ทราบชื่อภายหลัง) อายุ 62 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่และลงมาเปิดประตู พาแรงงานทั้งหมดขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งดักซุ่มดูพฤติการณ์อยู่และได้บันทึกภาพเคลื่อนไหวไว้ จึงเข้าแสดงตัวจับกุมตัวดำเนินคดีกับนายส่วนและนายชาญวิทย์ ในข้อหา “นำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือช่วยด้วยประการใด ๆ, ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”และดำเนินคดีกับนายกอง กับพวกรวม 4 ราย ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้าสีเขียว ทะเบียนนครพนม และ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร รวม 2 คัน ดำเนินการตามกระบวนการคัดกรองการแพร่ระบาดโรค โควิด-19 และนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพงส.สภ.บ้านกลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาได้มีการสืบสวนขยายผลอีก จนสืบทราบว่าจะมีการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอีกครั้ง ที่ชายฝั่งแม่น้ำโขงทางด้าน จว.หนองคาย จึงได้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันและจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย-ลาว อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งตามวันเวลาเกิดเหตุ ทราบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพรับจ้างลักลอบลำเลียงคนผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยจะมีการส่งคนขึ้นฝั่งบริเวณถนนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำโขง ต.กวนวัน อ.เมืองหนองคาย จว.หนองคาย ชุดจับกุมจึงนำรถตรวจการณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะออกตรวจการณ์บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตามวันเวลาดังกล่าว ขณะออกตรวจการณ์ไปถึงบริเวณเป้าหมายที่เป็นจุดเสี่ยงได้พบกลุ่มบุคคลลักษณะคล้ายบุคคลต่างด้าวจำนวน 10 คน พร้อมสัมภาระจำนวนหนึ่ง มีท่าทางเร่งรีบขึ้นจากฝั่งและมีพิรุธจึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและขอทำการตรวจสอบเอกสารพบว่าทั้งหมดเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ไม่มีหนังสือเดินทางและไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานการเข้าเมืองและเอกสารประจำตัวอื่น ๆ มาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้จากการให้การทราบว่ากลุ่มชาวจีนดังกล่าวได้เริ่มเดินทางมาจากประเทศจีน ผ่าน สปป.ลาว โดยตั้งใจที่จะเข้าลักลอบเดินทางเข้าไปหลบอาศัยอยู่ในจังหวัดชั้นในของประเทศไทยสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังมีความรุนแรง จึงพยายามลักลอบหนีข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาแฝงตัวหลบอยู่ในประเทศไทยซึ่งคิดว่าปลอดภัย โดยได้ว่าจ้างเรือจีบให้พากลุ่มของตนข้ามฝั่งแม่น้ำโขงจากชายแดนฝั่ง สปป.ลาว มายังฝั่งไทย จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบก่อนที่จะพยายามเดินทางต่อไปยังจังหวัดชั้นใน ชุดจับกุมจึงทำการจับกุมตัวทั้งหมด ดำเนินคดีในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”พร้อมแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ถูกจับทราบผ่านล่ามภาษาจีน และควบคุมตัวดำเนินการตามกระบวนการคัดกรองการแพร่ระบาดโรค โควิด-19 นำส่ง พงส.สภ.เวียงคุก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในส่วนของการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 และ ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคายจะได้เร่งทำการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มขบวนการนำพาเข้าประเทศ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมกระทำผิดทั้งหมดต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง