Project Description

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.3 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.คธม.บช.ทท., และ พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม , ศปชก.สตม.,บช.ทท. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จํานวน 8 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ให้บุคคลอื่น กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนดไว้” และตรวจยึด คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 35 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 30 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์ , สมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้ ฯลฯ ที่ใช้ในการทำงานติดตามทวงหนี้พฤติการณ์ในการกระทําความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ซึ่งกู้เงินผ่าน แอปพลิเคชั่น Yoo Card โดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด นําโดย น.ส.แอ้ม (นามสมมุติ) ร่วมกับนายทุนชาวจีน เป็นผู้ปล่อยเงินกู้ให้กับบุคคลทั่วไปโดยผ่านแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ และมีการลักลอบ จัดตั้งสํานักงานเพื่อติดตามทวงหนี้ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงได้รวบรวม พยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าทำการตรวจค้น และตรวจสอบ ที่อาคารพาณิชย์ ถ.เอกชัย ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พบว่าอาคารพาณิชย์ ดังกล่าวบริเวณชั้นล่าง กำลังปรับพื้นที่ทำเป็นร้านกาแฟ เชื่อว่าเพื่อใช้อำพราง และตบตา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนชั้น 2 และชั้น 3 ดัดแปลงเป็น ห้องเล็กๆ หลายห้อง พบกลุ่มผู้ต้องหา ทั้ง 8 ราย กำลังนั่งทำงาน ติดตามทวงหนี้ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และ บางส่วนกำลัง จะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงแสดงตัวและเข้าทำการจับกุม

จากการซักถามเบื้องต้น ผู้ต้องหา รับว่ามีหน้าที่ในการติดตามทวงหนี้ ลูกค้าที่หลงเชื่อกู้เงินผ่าน แอปพลิเคชั่น ในโทรศัพท์มือถือ เช่น Uwallet , Ant Loan , Yoo Card , Majic Card และ Bee Bath โดยแต่ละแอปพลิเคชั่น จะให้กู้เงินตั้งแต่ 2,000 – 5,000 บาท ซึ่งจะคิดค่าธรรมเนียม 39% และคิดค่าอัตราดอกเบี้ย 0.05% ต่อวัน และให้ชําระเงินคืน ภายใน 7 วัน (เช่น กู้เงิน 2,000 บาท จะได้เงินกู้เพียง 1,220 บาท และเมื่อครบชําระเงิน ต้องชําระเงินคืน 2,007 บาท) มีลูกหนี้ที่หลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อ ในการกู้เงินดอกเบี้ยโหดในครั้งนี้ กว่า 15,000 ราย จากการตรวจสอบ พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีที่เกี่ยวข้องหลายล้านบาท โดยมีนายทุนชาวจีนเป็นผู้ก่อตั้ง และอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดในครั้งนี้ โดย ศปชก.สตม. จะดำเนินการสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมหัวหน้าขบวนการและเครือข่าย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง