Project Description

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.ปกกิจ คล้ายเพ็ชร ผกก.ตม.จว.น่าน ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

การจับกุม บุคคลต่างด้าวตามหมายจับของ ตำรวจสากล (INTERPOL) ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ทางการสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีหนังสือส่งมาถึงกระทรวงการต่างประเทศขอให้ส่งตัว นายอามีร์ บุคคลสัญชาติอิหร่านเป็นผู้ร้ายข้ามแดน นั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ประสานงานมายัง อัยการสูงสุด ดำเนินการขออนุมัติหมายจับทางศาลอาญา ในความผิดฐาน ขอออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน ลงวันที่ 21 ม.ค. 2564 สำนักงานอัยการสูงสุด จึงส่งเรื่องให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านทาง กองการต่างประเทศ (ตท) สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สืบสวนติดตามจับกุม คนต่างด้าวตามหมายจับคนร้ายข้ามแดน โดย สตม.ได้บันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูลบุคคลต้องห้าม และติดตามเฝ้าระวังแล้วนั้น


เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.น่าน ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (BMW) ซึ่งติดตั้ง ระบบ PIBICS ON MOBILE ออกสืบสวนปราบปราม และตรวจสอบบุคคลต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดน่าน เมื่อออกตรวจมาถึงที่เกิดเหตุ พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเป้าหมาย จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางของนายอามีร์ อายุ 41 ปี สัญชาติ อิหร่าน ในฐานข้อมูลระบบ PIBICS พบว่าเป็นบุคคลต้องห้าม ที่มีหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.น่าน จึงได้แสดงหมายจับของตำรวจสากล (INTERPOL) และหมายจับศาลอาญา ข้อหาเป็นผู้ร้ายข้ามแดน สำหรับความผิดฐานติดสินบน ยักยอก และฉ้อโกงของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านแก่คนต่างด้าว จึงควบคุมตัวผู้ต้องหามายังที่ทำการ และตรวจสอบการเดินทางเข้ามาประเทศไทยพบว่าเดินทางเข้ามา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 และได้แต่งงานมีภริยาคนไทย ในปี 2560 พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคกลางมาตลอด จนกระทั่ง เดือน ธ.ค.63 ได้ย้ายเข้ามาปลูกบ้านใหม่ ณ ภูมิลำเนาของภริยา ในพื้นที่ จว.น่าน ส่วนเหตุแห่งการถูกออกหมายจับนั้น เกิดขึ้น ณ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ในปี 2558 ก่อนที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นประมาณ 1 ล้านบาทไทย

เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.น่าน ได้ดำเนินการสอบสวนเบื้องต้น แล้ว นายอามีร์ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาดังกล่าวจริง โดยคนต่างด้าวยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับดังกล่าวมาก่อนแต่อย่างใด และยินยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัว ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งในการจับกุมครั้งนี้เป็นการนำเทคโนโลยีของ สตม. รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (BMW) ออกตรวจสอบ และกวดขัน ปราบปรามการกระทำความผิดตาม พรบ.คนเข้าเมือง และตรวจสอบข้อเท็จจริงการยื่นเรื่องขออยู่ต่อของคนต่างด้าว ที่เข้ามาพักอาศัยและประกอบธุรกิจในพื้นที่ต่างๆของจังหวัดน่าน เป็นประจำ

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และการกระทำความผิดในกฎหมายอื่น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดกฎหมาย การก่อเหตุอันตรายใดๆ อันกระทบต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันอาจทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ กรุณาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง