Project Description

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย คือ
MR.CHUKS อายุ 44 ปี สัญชาติ ไนจีเรีย ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ334/2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”


สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารทหารไทย ว่าได้มีคนร้ายทำการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารทหารไทย ส่งอีเมลแสร้งว่าเป็นธนาคารที่แท้จริง จากนั้นให้เหยื่อที่หลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ – สกุล เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด เลขที่บัญชีธนาคาร รวมทั้งรหัส OTP เมื่อผู้เสียหายกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว คนร้ายก็ใช้ข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่น I-BANKING และทำการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายไปจนหมด โดยมีเหยื่อที่หลงเชื่อ จำนวน 3 ราย ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.พุทธมณฑล และ สภ.บางใหญ่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายพักอาศัยอยู่ที่บริเวณ แฟลตแห่งหนึ่งแถวรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจค้น พบ MR.CHUKSฯ และพยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งจากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าอยู่ในราชอาณาจักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย


ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนท้องที่ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าตำรวจ สภ.พุทธมณฑล ออกหมายจับตัวผู้ต้องหาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง