Project Description

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม ผกก.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้
1) BIOMETRICS รวบแก๊งค์ค้ามนุษย์คาสุวรรณภูมิ กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้รับการประสานข้อมูลด้านการข่าวกับ กก.5 บก.ปคม. กรณีผู้ต้องหาจะเดินทางมาจากประเทศบาห์เรน และได้ดำเนินการเฝ้าระวังผ่านระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ได้มีคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศบาห์เรนโดยเที่ยวบิน GF152 เข้ามาขอตรวจอนุญาตเดินทางเข้าในราชอาณาจักรไทย โดยในการตรวจอนุญาตฯระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (BIOMETRICS) ได้แจ้งเตือนว่า บุคคลที่มาขอรับการตรวจนั้นเป็นบุคคลที่มีหมายจับของศาลอาญาในฐานความผิด “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันกระทำความผิดค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น, ร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง” จึงได้ดำเนินการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาไปยัง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ทำการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับกุม เนื่องจากไม่สามารถนำไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้เพราะผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นบุคคลผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าสังเกตอาการความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เดินทางมาจากประเทศบาห์เรน ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรการในการควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข จะต้องกักตัวผู้ต้องหาดังกล่าวเพื่อ “การเฝ้าระวัง” สังเกตอาการ ณ สถานกักกันโรคของรัฐ (ตามมาตรการ STATE QUARANTINE) และได้ประสานกับ กก.5 บก.ปคม. ในการมารับตัวผู้ถูกจับกุมไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2) สืบ ตม.2 ร่วม ปส. จับแรงงานไทยลักลอบขนยาไอซ์กว่า 4.1 กิโลกรัม คาสุวรรณภูมิ กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้ประสานงานด้านการข่าวกับ กก.1 บก.ปส.3 ภายใต้การปฏิบัติการ AITF ในการลักลอบนำเข้าหรือส่งออกยาเสพติดให้โทษ และจากการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ได้ตรวจพบชายสัญชาติไทย ซึ่งเป็นแรงงานจะเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล ได้ลักลอบขนยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 (Methamphetamine) บรรจุในซองเกลือแร่ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทาง และน่าเชื่อว่าอาจจะนำไปจำหน่ายที่ประเทศอิสราเอล จึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “พยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมี
ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่ง บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


3) ตม.2 จับ 2 มาเล ลักลอบเข้าไทยคาโรงแรมกลางกรุง กองกำกับสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้รับการประสานข้อมูลด้านการข่าวจากสายลับกรณีอาจมีคนต่างชาติซึ่งน่าเชื่ออาจจะหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและเข้าพักที่โรงแรมตรงข้ามโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระราม 4 จึงได้เร่งรัดเข้าตรวจสอบและได้พบกับชายต่างด้าวสัญชาติมาเลเซียซึ่งมีลักษณะรูปพรรณตามข้อมูลที่ได้รับการประสาน และผลการตรวจสอบพบว่าทั้งสองได้เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำส่ง พงส.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

4) รถตรวจการอัจฉริยะเยี่ยม ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาในการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาบูรณาการเพื่อพัฒนาการปฏิบัติงาน โดยกองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้นำรถตรวจการณ์อัจฉริยะออกตรวจตราและร่วมปฏิบัติ ซึ่งในเดือน ต.ค. 63 สามารถจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดสำคัญ จำนวน 3 ราย คือ
4.1) จับกุมชายต่างด้าวสัญชาติเยอรมนีในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะจอดระวังเหตุ และนำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4.2) จับกุมชายต่างด้าวสัญชาติจีนในฐานความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทย
โดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะจอดระวังเหตุ และนำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4.2) จับกุมหญิงสัญชาติลาวในฐานความผิด “อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” บริเวณแคมป์งานก่อสร้าง ริมถนนบางนา-ตราด กม.4.5 โดยจากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวรายนี้อยู่เกินกำหนดอนุญาตไปกว่า 4,140 วัน จึงนำส่ง พงส.สน.บางนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง