Project Description

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.วีรพล สวัสดี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.4 บก.สส.สตม. และ พ.ต.ต.นนท์สมรรถ โบว์สุวรรณ สว.กก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้
ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มอบหมายให้กองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับผิดชอบกรณีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา และธนาคารไทยพาณิชย์ ร้องเรียนกรณีคนร้ายลักลอบโอนเงินออกจากบัญชีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบัญชี โดยให้กองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ว่าได้มีบุคคลใช้บัญชีอินสตราแกรมว่า virote ทำการทักมาหาเพื่อทำการตีสนิทสนมกับผู้เสียหาย (Direct Message) โดยอ้างว่าตนเองเป็นคนไทยที่เกิดและโตในประเทศตุรกี จากนั้นได้ทำการหลอกกับผู้เสียหายว่าจะทำการส่งสินค้าแบรนด์เนมมาให้เป็นจำนวนมาก โดยต่อมาทางผู้เสียหายได้รับอีเมล์ อ้างว่าเป็นบริษัทนำส่งพัสดุ ได้แจ้งให้ผู้เสียหาย ทราบว่ามีของส่งมาจากประเทศตุรกี ต่อมาทางผู้เสียหายได้รับแจ้งว่าของมาถึงแล้ว โดยทางศุลกากรทำการตรวจสอบพบว่า มีของราคาแพงจึงต้องจ่ายเงินค่านำเข้าและภาษี โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินไปกว่า 300,000 บาท ซึ่งเมื่อจ่ายไปแล้วพบว่าไม่มีของมาส่งแต่อย่างใด อีกทั้งทางบริษัทยังได้แจ้งแก่ผู้เสียหายจะต้องจ่ายค่าประกันอีก 300,000 บาท แต่ทางผู้เสียหายไม่หลงเชื่อและเชื่อว่าตนเองถูกหลอกจึงได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
จากการตรวจสอบข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย พบว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น และกดเงินออกจากบัญชี จากตู้กดเงินสด เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าบุคคลที่กดเงินออกจากบัญชีดังกล่าว และได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ และได้สืบสวนจับกุมตัวนายณัฐวุฒิ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พร้อมด้วยของกลางคือสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม จำนวนมาก นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยจากการสืบสวนขยายผลพบว่าบัญชีที่ใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหายนั้น มีอยู่หลายบัญชี จากการตรวจสอบเบื้องตนพบว่าผู้เสียหายมีไม่ต่ำกว่า 20 คน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้สืบสวนขยายผลจนทราบถึงตัวผู้ร่วมขบวนการ และชาวต่างชาติที่อยู่เบื้องหลังแล้วจะได้ทำการสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง